ซึ่งก่อนที่เราจะได้คุยกกันเรื่องอาหารที่ลดไขมันและลดพุงนั้นมันจะเร่งการเผาผลาญไขมันของท่านอยากจะย้ำเตือนอีกนิดนึงสำหรับเรื่องของการทานอาหารว่าการทานอาหารเพื่อการลดน้ำหนักไม่ควรที่จะลดมากจนเกินไปเพราะว่าถ้าเกิดเราคุมอาหารจนแคลอรี่ต่ำมากจนเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อของเราสลาย

เมื่อเรากล้ามเนื้อเราสลายจะยิ่งทำให้ลดน้ำหนักยากเพราะว่ากล้ามเนื้อจะเป็นตัวที่เขาเรียกกันว่าเผาผลาญพลังงานเรามากที่สุดเพราะฉะนั้นแล้วจะมีตัวเลขสูตรคำนวณให้ง่ายๆนิดนึงว่าให้เอาน้ำหนักของท่านคูณ22หากคุณหนัก60กิโลคูณ22ก็ได้1,320กิโลแคลอรี่แปลว่าวันหนึ่งคุณไม่ควรทานต่ำกว่านี้แล้ว

ซึ่งถ้าหากว่าคุณทานต่ำไปกว่านี้มันจะมีปัญหากับกล้ามเนื้อสลายยังไงเวลาคุณจะคุมอาหารก็ดูแคลอรี่ให้ดีอย่าลดจนมากจนเกินไปและเรามาดูอาหารเผาผลาญไขมันอันแรกก่อนเลยเราคิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้วก็น่าจะรับประทานกันอยู่เป็นประจำก็คือกาแฟนั่นเอง

ดังนั้นถามว่ากาแฟช่วยช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้อย่างไรมันอยู่ที่ตัวคาเฟอีนคาเฟอีนจะเร่งการเผาผลาญไขมันแถมยังลดความอยากอาหารและยังมีการเพิ่มสมรรถนะการออกกำลังกายได้อีกด้วยมีวิจัยว่าภถ้าหากเรารับประทานคาเฟอีน1ชั่วโมงก่อนออกกำลังกายจะเผาผลาญไขมันได้มากกว่าเดิมถึง1เท่าแถมยังไม่พอคุณยังอึดมากกว่าเดิมเรียกได้ว่าเล่นกีฬาได้มากกว่าเดิมถึง17%เลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นแล้วในบางทีคุณก็จะเห็นได้กับพวกเจลหรือว่าพวกพลังงานต่างๆก็จะมีส่วนผสมของคาเฟอีนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเข้มแข็งและแข็งแรงขึ้นด้วยอันนี้ก็คือข้อดีขอกาแฟนั่นเองโดยที่จริงแล้วก็ได้มีการวิจัยเป็นตัวเลขออกมาเลยว่าคาเฟอีนสามารถเร่งอัตราการเผาผลาญไขมันได้3-13%เลยแต่มันก็จะขึ้นอยู่กับว่าลักษณะเพศและร่างกายของแต่ละคนนั้นมันจะแตกต่างกันออกไป

คราวนี้ในปริมาณที่เหมาสมควรดื่มได้ประมาณเท่าไรหรือประมาณ100-400มิลลิกรัมต่อวันก็ให้คิดเอาง่ายๆเลยประมาณ1-4แก้วแต่โดยส่วนตัวแล้วเราแนะนำว่าอย่าเกิน2แก้วเลยประมาณสองแก้วกำลังสวยช่วงเช้าและช่วงเที่ยงอีกครั้งหนึ่งไม่ควรจะเกินนี้โดยเฉพาะบ่ายสามโมงเย็นไม่แนะนำให้ดื่มเลยเพราะท่านจะนอนไม่หลับและถ้าท่านนอนไม่หลับยิ่งอ้วนอันนี้ประเด็นของกาแฟหรือคาเฟอีนของเรานั่นเองช่วยการเผาผลาญไขมันเอาเป็นว่าใครที่อยากจะควบคุมน้ำหนักหรืออยากจะลดไขมันแล้วควรปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพของคุณเอง

สนับสนุนโดย  แทงหวยลาว

ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของไข้โควิดเหมือนจะทุเลาลงและมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดน้อยลงไปนั้น แต่การที่ยังไม่ประมาทและยังคงเตรียมการรับมือของการแพร่ระบาดนั้นจึงยังคงเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ว่าจะเป็นการพกเจลล้างมือ หรือการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งแต่ละประเทศนั้นก็ยังคงมีการรณรงค์ให้มีการสวมหน้ากากกันตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆประเทศ

ที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเองของหน้ากากอนามัยนั้น ก็เริ่มจะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศญี่ปุ่น ที่เจอปัญหานี้อยู่ รวมไปถึงพวกพ่อค้าแม้ค้าที่กักตุนและโก่งราคากันไว้โดยทางญี่ปุ่นเองนั้นก็ได้มีการแก้ปัญหาตรงจุดนี้ด้วยการที่ทำหน้ากากใส่กันเอง

เพราะหากจะไปหาซื้อนั้นราคาหน้ากากในประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าค่อนข้างแพงเลยทีเดียว อันละเกือบหนึ่งพันแปดร้อยบาท และที่สำคัญหาได้ยากด้วย ดังนั้นพวกเค้าจึงมีการหัดทำหน้ากากกันเองและมีการเผยแพร่ความรู้วิธีการทำกันในทางอินเตอร์เน็ตเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บางคนก็มีการสร้างสีสันด้วยการทำหน้ากากอนามัยแบบแปลกๆ

โดยการเอาบราของผู้หญิงนั้นมาดัดแปลงทำเป็นหน้ากากอนามัย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อได้นำมาใช้จริงๆแล้วนั้นมันจะได้ผลจริงๆหรือเปล่า แต่ก็ถือว่าการทำหน้ากากอนามัยแบบนี้ก็ช่วยสร้างสีสันให้คนญี่ปุ่นได้พอสมควรเลย แต่ที่ต้องน่าชมเชยที่สุดสำหรับคนญี่ปุ่น นั่นก็คือการแบ่งปัน เพราะหลังจากที่ทุกคนเริ่มทำกันเองเป็นแล้วนั้นการแบ่งปันดังกล่าวก็เกิดขึ้น

ซึ่งหากคนใดสามารถทำได้เก่งและมีเวลาทำได้หลายอัน ก็จะทำเพิ่มและแจกจ่ายไปให้กับเพื่อนบ้านหรือคนรู้จัก รวมไปถึงแบ่งปันไปให้กับคนที่ไม่มีวัตถุดิบในการทำหน้ากากอนามัยด้วยซึ่งก็ถือว่าเป็นน้ำใจของคนญี่ปุ่นโดยแท้ ซึ่งหลังจากที่ทุกคนเริ่มทำเองเป็นแล้วนั้น บรรดาพวกพ่อค้าแม้ค้าที่ชอบกักตุนและโก่งราคานั้น

ก็เริ่มนำสินค้าออกมาวางเพื่อปล่อยขาย แต่ดูแล้วว่าคงจะขายยากเสียหน่อย เพราะปัจจุบันนั้นคนญี่ปุ่นเริ่มที่จะทำหน้ากากใช้กันเองแล้ว และมีการสั่งซื้อในจำนวนอัตราที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นเรื่องที่สอนบทเรียนให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่หวังกักตุนสินค้าและเตรียมที่จะโก่งกำไรจริงๆ จนกลายเป็นว่าสินค้าที่พวกพ่อค้าแม่ค้านั้นกักตุนไว้กลายเป็นสินค้าปล่อยไม่ออกและเงินทุนของพวกเค้าก็จมลงไป ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้น่าจะเกิดขึ้นกับพวกที่กักตุนสินค้าที่มีนักการเมืองเป็นเบื้องหลังเสียจริงๆ

สนับสนุนโดย  ถ่ายทอดสดหวยฮานอยวันนี้

การใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งที่เราอาจคุ้นเคยและพบเห็นอยู่บ่อยๆ อาจจะเกิดกับทั้งคนใกล้ตัวและคนในสังคม โดยทราบจากข่าวหรือสื่อต่างๆ โดยที่ผ่านมาเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงส่วนมากมักเกิดขึ้นในครอบครัวเป็นหลัก รองลงมาเป็น โรงเรียน และในสังคมที่ขนาดใหญ่ขึ้นก็มี การใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวซึ่งการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากผู้กระทำส่วนมากมักเป็นเพศชาย

และผู้ถูกกระทำจะเป็นเด็กและเพศหญิง โดยสาเหตุส่วนมากมักมาจากความขัดแย้งภายฝนครอบครัวหรือเกิดจากความเครียด ความกดดันที่เกิดขึ้นในครอบครัว เช่น พ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความยากลำบาก จึงทำให้เกิดอาการเครียดและภาวะความกดดันจากตัวเอง ทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงเพื่อระบายความเครียดออกมา บางครั้งผู้กระทำนั้นอาจขาดสติจึงทำให้เกิดการลงมือใช้ความรุนแรงที่รุนแรงได้ เป็นต้น

ดังนั้นสถาบันครอบครัวถือว่าเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก จึงต้องมีแนวการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงในครอบครัว เพราะถ้าหากปล่อยให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นก็จะทำให้สถาบันครอบครัวแย่ลง และคนในครอบครัวมีปมในการใช้ชีวิตในอาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือตัวผู้ใช้ความรุนแรงเองด้วย

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้กระทำใช้ความรุนแรงนั้นอาจเกิดจาการกมีภูมิหลังด้านครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ และเห็นบุคคลในครอบครัวกระทำเป็นเยี่ยงอย่าง หรืออาจจะเคยถูกกระทำโดยที่ตัวเองนั้นเป็นผู้ที่โดนกระทำจึงทำให้ฝังใจและทำให้ก่อเหตุการใช้ความรุนแรงได้ ยิ่งถ้าเกิดคนในสังคมที่อยู่นั้น เป็นสังคมที่เกิดเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆและไม่ได้รับการลงโทษอย่างเหมาะสม

ก็จะทำให้มีโอกาสที่คนในสังคมนั้นจะกระทำด้วยเช่นกัน อย่างเช่นการเห็นครอบครัวข้างบ้านทะเลาะกันบ่อยๆตบตีภรรยาและลูกอยู่เป็นประจำ ก็อาจเป็นเหตุให้คนที่ได้เห็นหรือได้ยินแล้วไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องผิด คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ก็จะเอาไปทำบ้างก็เป็นไปได้

โดยแนวทางการป้องกันการใช้ความรุนแรงในครอบครัวนั้นเริ่มจากการปรึกษาและเปิดใจคุยรับฟังรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนและช่วยกันหาทาง หรือควรลองหากิจรรมที่ทำให้ผ่อนคลายอารมร์ทำในยามว่างโดยการทำร่วมกับครอบครัวเพื่อให้มีการเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น หากทำแล้วไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมหรือหยุดการใช้ความรุนแรงได้ อาจจะพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญและรับคำปรึกษาก็ได้ เพื่อเป็นการหยุดการใช้ความรุนแรงในครอบครัวและทำให้การใช้ความรุนแรงลดลงและหมดไปจากสถาบันครอบครัวอีกด้วย

ขอบคุณ  แทงหวยหุ้นออนไลน์   ที่ให้การสนับสนุน

สมัยปัจจุบันนี้ ความแก่ชราไม่เข้าใครออกใคร มันเป็นที่ทุกคนต้องเจอ เพราะความแก่ชราจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยที่เราไม่สามารถไปห้ามมันได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการดูแลสุขภาพร่างกาย ดูแลผิวพรรณ ถึงแม้คนอื่นจะมองว่าอายุเยอะแล้ว หากผิวพรรณเปล่งปลั่ง แลดูมีสุขภาพก็สามารถโกงอายุได้อย่างไม่น่าเชื่อ ปัจจุบันนี้คนรุ่นหลังส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องของผิวมากนัก

เพราะคิดว่าตนเองนั้นแก่เกินกว่าที่จะหันมาดูแลผิวพรรณเหมือนกับวัยรุ่นแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า พียงแค่เรารับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำทุกวัน หรือทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้ผิวของเรานั้นสวยใสเหมือนกับวัยรุ่นแล้ว ถึงแม้ว่าอายุจะมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตนเองในเรื่องของสุขภาพร่างกายทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งอาหารเหล่านี้จะสามารถช่วยให้คุณนั้นชะลอการแก่ลง จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

• ผักใบเขียว อย่างที่ทราบกันดีว่า การรับประทานผักใบเขียวเป็นประจำทุกวันนั้น นอกจากจะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ให้แลดูเด็กกว่าวัยอีกด้วย ในผักใบเขียวจะมีโซเดียมต่ำ และจะมีกากใยสูง จึงสามารถช่วยในการชะลอวัยลงได้ แถมคนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักก็สามารถช่วยได้อีกด้วย
• ผลไม้ ตระกูลเบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราผลไม้ชนิดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการชะลอความแก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีขึ้น ผลไม้ตระกูลนี้ยังมีผลไม้บางชนิดที่สามารถช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคได้อีกด้วย
• ช็อคโกแลต เป็นอาหารประเภททีหลาย ๆ คนนั้นชอบกันเป็นอย่างมาก บางคนคิดว่าการรับประทานช็อคโกแลตเป็นประจำสามารถทำให้เราอ้วนได้ แต่รู้หรือไม้ว่าแท้ที่จริงแล้วช็อคโกแลตเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมของโกโก้จำนวนหนึ่ง ซึ่งในโกโก้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก ๆ จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนนั้นชอบทานช็อกโกแลตกันเป็นประจำ การรับประทานช็อคโกแลตเป็นประจำนอกจากจะช่วยในเรื่องของการชะลอวัยแล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องของความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อาหารในแต่ละมื้อก็ย่อมมีประโยชน์ และมีโภชนาการทางด้านร่างกายสูง การรับประทานอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นอกจากจะต้องดูแลตนเองแล้ว ก็ควรรับประทานอาหารประเภทอื่นให้ครบทั้งห้าหมู่จะยิ่งมีประสิทธิภาพ

สนับสนุนโดย  หวยออนไลน์

น้ำตาลเป็นสิ่งที่ใครหลายคนได้ยินไม่รู้สึกกลัวอะไรกับน้ำตาลแต่ในความเป็นจริงแล้วมีน้ำตาลชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าไฮฟรุกโตสคอร์นไซรัป

ซึ่งมันเป็นน้ำตาลที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคความดัน โรคเบาหวาน เราจะมาติดตามเรื่องของน้ำตาลไฮฟรุกโตสคอร์นไซรัปมันจะมีความน่ากลัวและทำให้ก่อโรคอะไรได้บ้างเราไปดูกันเลย

วันนี้ทาง  หวยออนไลน์   ของเราจะมาเล่าเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวแต่บางคนก็คิดไม่ถึงเราจะมาพูดถึงปัจจัยศัตรูหรือตัวร้ายมากที่สุดของมนุษย์ในปัจจุบันนี้นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าน้ำตาล

ซึ่งน้ำตาลเราคุยกันจริงๆมันมีหลายอย่างมันถึงจะสรุปและจบมันได้เพราะน้ำตาลนี้มันเป็นสิ่งที่สอนคนไข้มาหลายๆคนที่สอนลูกศิษย์สอนใครไปก็ตามแต่นี่แหละมันคือสนิมภัยร้ายที่มันจะคอยเข้าไปกัดกินภายในร่างกายของตัวเรา

นอกจากนี้แล้วคำว่าน้ำตาลนั้นมันคืออะไรจริงๆมันเป็นหนึ่งในอนุพันธุ์ของกลุ่มที่เรียกกันว่าคาร์โบไฮเดรตซึ่งคาร์โบไฮเดรตนี้มันก็คือจำพวกกลุ่มแป้งนั้นเองเราได้เรียนกันมาตั้งแต่ในวัยเด็กว่าเรารับประทานอาหารมันมีอยู่34หมู่ก็คือ เนื้อฝสัตว์1กรัมมันจะมี4แคลอรี่ ไขมัน1กรัมมี9แคลอรี่คาร์โบไฮเดรต1กรัมจะมี4แคลอรี่เหมือนกัน

โดยคาร์โบไฮเดรตนั้นมันได้มีอยู่หลายอย่างเวลาที่คนเราจะระมัดระวังในเรื่องของน้ำตาลบางคนจะระมัดระวังแค่ของหลานๆบางคนระวังแค่อาหารหวานๆหรือลูกอมหรืออะไรก็ตามแต่เราจะต้องระวังไปจนถึงแป้งด้วย

แป้งนี้ถือว่าเป็นน้ำตาลที่มีความสำคัญผลไม้ก็มีอยู่หลายอย่างที่มีน้ำตาสูงมากบางคนลดน้ำหนักด้วยการกินผลไม้จากนั้นมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ

เพราะว่ามันมีน้ำตาลอยู่ภายในผลไม้และมันก็ไม่สามารถที่จะลดน้ำหนักลงได้และก็ยังทำให้ตัวเรานั้นอ้วนอยู่ดีและในช่วงเวลาที่มีจำกัดเราขอพูดเรื่องน้ำตาลที่อยู่ใกลล้ตัวและเป็นภัยมากกว่าน้ำตาลโดยทั่วๆไป

ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เรียกว่าไฮฟรุกโตสคอร์นไซรัปหรือเรียกว่าน้ำตาลฟรุกโตสในชนิดพิเศษที่ได้ผลิตขึ้นมาน้ำตาลชนิดนี้ได้ถูกผลิตขึ้นมาในปีคริสต์ศักราช1966 โดยคนญี่ปุ่นชื่อโยชิยูกิ ทาคาซากิ คนๆนี้เขาได้ทำการผลิตสิ่งเหล่านี้เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร

เนื่องจากน้ำตาลชนิดนี้มีความหวานกว่าน้ำตาลกลูโคสประมาณ1.7เท่าและมีราคาถูกกว่าเยอะส่วนใหญ่แล้วจะทำมาจากน้ำตาลอ้อยมาเคี่ยวมาบดมาผ่านกรรมวิธีจนมีความเข้มข้นมากๆ

น้ำตาลชนิดนี้ที่เป็นศัตรูที่มีความอันตรายของโลกในปัจจุบันที่มันจะทำให้เราทุกคนนั้นสามารถเกิดก่อโรคภายในร่างกายของเราได้เป็นอย่างดีอีกทั้งจะตามมาด้วยโรคต่างๆอีกมากมาย

เพื่อนๆเห็นแล้วว่าสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่นิ่ง เกี่ยวกับโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีโรคระบาดอย่าง โควิด แบบนี้แล้วด้วย ไม่สามารถหาวัคซีนแก้ไขได้ และเจอโรคนี้กันทั่วโลก มันอาจจะเกิดช่วงที่เราต้องกักตัวหรือทำงานที่บ้านกันอีกครั้ง วันนี้เราเลยเอาวิธีการดูแลตัวเองหรือวิธีการที่จะช่วยให้เพื่อนๆหรือคนที่ต้องทำงานหรืออยู่บ้านมาใช้เพื่อรักษาตัวเองให้ดีและไม่ให้อ้วนขึ้นนั้นเอง เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

วิธีการที่หนึ่ง ดื่มน้ำอุ่นหรือดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น

เพื่อนๆที่ต้องทำงานอยู่บ้าน หันมาดื่มน้ำเปล่าให้เยอะๆนะ ดื่มน้ำอุ่นหรือดื่มน้ำอุณหภูมิห้องก็ได้ เพราะการดื่มน้ำเปล่ามากๆ จะช่วยเรื่องการที่ร่างกายจะปรับสมดุลให้ทุกอย่างทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะร่างกายเราจะมีการขับน้ำและขับของเสียต่างๆ ดังนั้นการดื่มน้ำเยอะๆขึ้นการเติมให้กับร่างกายเรานั้นเอง 

วิธีการที่สอง เลือกกินอาหารที่มีปะรโยชน์

การเลือกกินอาหารที่มีปะรโยชน์นั้นจำเป็นมากในยุคที่ทุกคนต้องหันมาสนใจเรื่องสุขภาพ การกินอาหารที่ดีมีประโยชน์หรือ กินให้ครบ 5 หมู่นั้น คือการที่เพื่อนๆหันมาเลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนหรือแป้งดี เลือกกินโปรตีนดีหรือไขมันดี รวมไปถึง

การกินผักและผลไม้มากขึ้นด้วยนะ เพราะว่าการที่เพื่อนๆ กินอาหารมีประโยชน์จะทำให้ร่างกายได้สารอาหารครบถ้วนได้ดี

วิธีการที่สาม ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวขยับร่างกายให้มากขึ้น

การที่เพื่อนๆอยากจะมีหุ่นที่ดีและสุขภาพที่ดี คงหนีไม่พ้นการออกกำลังกายนะ เพราะว่าการที่เราได้ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหว หรือ ขยับร่างกายให้มากขึ้นะจะช่วยทั้งเผาผลาญพลังงานและได้ใช้แรงทำให้กล้ามเนื้อเราแข็งแรงขึ้นได้ด้วยนะ และหากร่างกายเรามีกล้ามเนื้อเยอะ ก็จะทำให้ระบบเผาผลาญไขมันเราทำงานได้ดีขึ้นไปอีก

วิธีการที่สี่ พักผ่อนให้เพียงพอและนอนให้มีประสิทธิภาพ

เราจะมีสุขภาพดีได้เราต้องมีการพักผ่อนที่เพียงพอด้วยนะ เพราะว่าการที่เราได้นอนได้เพียงพอจะทำให้ร่างกายเราแข็งแรงและพักฟื้นจากความเหนื่อยล้าได้ดีที่สุดและกลับกันการพักผ่อนที่เพียงพอและนอนหลับสนิทจะช่วยเพื่อนๆเรื่องการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเลยละ

วิธีการที่ห้า อย่าเครียดทำจิตใจให้แจ่มใส

การที่เราจะมีสุขภาพที่ดี ควรจะมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเราเองต้องอย่าเครียดนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องดูแลสุขภาพ เพื่อนๆควรจะทำจิตใจให้แจ่มใส่ และมีความสุขจะได้สุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจนะ

สนับสนุนโดย    หวยออนไลน์